หลักการเบื้องต้นที่จะทำให้น้ำหนักลดมีอยู่ว่า "กินให้น้อยลง เและเผาผลาญให้มากขึ้น" ไขมัน 1 ปอนด์(หรือ 0.45กิโลกรัม)เท่ากับ 3,500 แคลลอรี่ เพราะฉะนั้นหากคุณเผาผลาญหรือใช้พลังงานมากกว่าที่คุณกินไป 3,500 แคลอรี่ คุณก็จะสามารถลดน้ำหนักไปได้ประมาณ 1 ปอนด์
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณตัดอาหารออก 500 แคลอรี่จากอาหารปกติที่คุณทานทุกวัน ผ่านไป 1 อาทิตย์น้ำหนักคุณจะลดลงราวๆ 1 ปอนด์ หรือถ้าคุณเลือกที่จะออกกำลังกายควบคู่ไปกับควบคุมอาหาร โดยทานน้อยลงวันละ 250 แคลอรี่และออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญอีกวันละ 250 แคลอรี่ ผ่านไป 1 อาทิตย์น้ำหนักคุณจะลดลงประมาณ 1 ปอนด์เช่นกัน (ในทางที่ดีเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพและไม่เป็นการหักโหมจนเกินไป คุณไม่ควรลดมากกว่า 1หรือ2 ปอนด์ต่ออาทิตย์โดยการจำกัดการทานและออกกำลังกาย)
เมื่อรู้อย่างงี้แล้วเราก็กินให้น้อยที่สุด ยิ่งน้อยยิ่งดี และออกกำลังกายให้เยอะๆ ไปเลย น่าจะเป็นไอเดียที่ดีที่จะทำให้ลดน้ำหนักได้มากที่สุด คุณกำลังคิดผิดอย่างมหันต์!! เพราะการจำกัดการกินอย่างเข้มงวดเกินไปจะไปส่งผลให้ระบบการเผาผลาญของคุณต่ำลง หรือที่เรามักเรียกกันว่า"สถาวะจำศีล"หรือ"Starvation mode" เหตุผลที่ทำให้ระบบเผาผลาญของเราทำงานช้าลงเมื่อเราจำกัดการกินอย่างเข้มงวดเกินไปหรือน้อยกว่า 1,200 แคลอรี่ต่อวัน เนื่องจากร่างกายของเราเกิดความเครียดอย่างรุนแรงที่มาจากการทานอาหารที่น้อยเกินไปและต้องปรับตัวให้เข้ากับสถาวะที่ขาดแคลนโดยการไปย่อยมวลของกล้ามเนื้อไปใช้ทดแทนพลังงานที่ขาดแคลนเพื่อให้ร่างกายยังคงทำงานต่อไปได้ ช่วงแรกๆน้ำหนักคุณอาจจะลด แต่พอผ่านไปสักเดือนหรือสองเดือนแม้คุณจะทานน้อยมากๆแต่น้ำหนักก็แทบจะไม่ลดเลย และพอคุณทานเยอะขึ้น คุณจะรู้สึกเหมือนว่าน้ำหนักขึ้นง่าย หรือที่เราพูดกันคุ้นหูบ่อยๆว่า"อ้วนง่าย ลดยาก"
แล้วเราควรทานวันละกี่แคลลอรี่ดีละ? The American College of Sports Medicine แนะนำว่าปริมาณแคลอรี่ที่ควรทานต่อวันสำหรับผู้หญิงไม่ควรน้อยกว่า 1,200 แคลลอรี่ และผู้ชายไม่ควรน้อยกว่า 1,800 แคลลอรี่เพื่อไม่ให้ร่างกายส่งสัญญาณให้เข้าสู่สภาวะจำศีลหรือระบบเผาผลาญทำงานช้าลง
สรุปว่าถ้าเราต้องการให้การลดน้ำหนักของเราเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เราไม่ควรจำกัดหรือหักโหมจนเกินไปจนร่างกายเกิดความเครียด การออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกินควบคู่ไปกับการควมคุมอาหารจะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ และเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ น้ำหนักที่ค่อยๆลดจะดีกว่าการลดแบบเร็วรวด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น