วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เทคนิคการทานซูชิ(sushi)ให้ผอม



  ถีงแม้ซูชิจะถือว่าเป็นอาหารไขมันต่ำ แต่ถ้าหากเลือกทานไม่ดีก็มีสิทธิ์ทำให้อ้วนได้เหมือนกัน นี่เป็นเทคนิคการทานซูชิที่จะทำให้ตัวอย่างบนตาชั่งของคุณน้อยลง

1. เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ ควรเลือกชิ้นที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า3 อย่างแซลมอนและทูน่า ซึ่งมีปริมาณแคลลอรี่ที่ต่ำมากๆ 40 แคลอรีต่อออนซ์(28.35กรัม)สำหรับแซลมอน และ 42 แคลอรี่ต่อออนซ์(28.35กรัม)สำหรับทูน่า

2. เมื่อทานซูชิ อย่าลืมนึกถึงวาซาบิ(wasabi) เพราะวาซาบิอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารไอโซไอโอไซยาเนท(isothiocyanates)ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี

3. พยายามหลีกเลี่ยงพวกเมนูที่ผ่านการทอดอย่างเช่นเทมปุระ แต่เลือกเมนูที่ผ่านการปรุงด้วยการนึ่งหรือย่างแทน หรือเมนูแบบดิบ(raw)อย่างซาชิิมิก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี

4. เลือกเมนูซูชิที่มีผักเป็นส่วนประกอบ โดยร้านอาหารส่วนใหญ่มักใส่ผักอย่างเช่นพวกแตงกวา อโวคาโด แครอท หรือสาหร่ายใปในอาหารด้วย ซึ่งทำให้เราได้รับประโยชน์จากผักมากขึ้น

5. ถ้าเป็นไปได้ เลือกซูชิที่ทำจากข้าวกล้องแทนข้าวขาว นอกจากข้าวกล้องจะมีไฟเบอร์มากกว่าแล้วยังเป็นแหล่งของแมงกาีนีส เซเลเนียม และแมกนีเซียม

6. อาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักมีขิงหั่นบางๆวางไว้ข้างจาน อย่างเขี่ยทิ้ง!! จงกินซะ!! ขิงดีต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยังเป็นแหล่งของสารอาหารอย่างโพแทสเซียม, แมกนีเซียม, คอปเปอร์, และแมงกานีส

7. พยายามหลีกเลี่ยงซูชิที่อุดมไปด้วยมายองเนสหรือใส่ครีมชีสลงไปด้วย

8. ถ้าให้ต้องเลือกระหว่างซูชิกับซาซิมิ เลือกทานซาซิมิดีกว่า เพราะอย่าลืมว่าซูชิ 1 แถวใช้ข้าวประมาณ 1 ถ้วย(ข้าว 1 ถ้วยให้พลังงานประมาณ 200 แคลอรี่)

9. เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยซุปมิโซะ(miso soup) เพราะซุปทำให้อิ่มไวขึ้น นอกจากนี้ซุปมิโซะ 1 ถ้วยให้พลังงานต่ำมากน้อยกว่า 75 แคลอรี่ซะอีก

แหล่งข้อมูล www.shape.com

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สุดยอดคาร์ดิโอ HIIT (High Intensity Interval Training)

  เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายแบบ"คาร์ดิโอ"แล้ว หลายคนมักจะนึกถึงชั่วโมงอันแสนยาวนานและน่าเบื่อในฟิตเนส ถ้างั้น....มีข่าวดีสำหรับคุณ มีวิธีการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแนวใหม่ที่ใช้เวลาน้อยกว่าและมีประสิทธิภาพในการเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอทั่วๆไป นั่นคือ.....การออกกำลังกายแบบ HIIT (High Intensity Interval Training)

อะไรคือ HIIT? และทำไมถึงดีกว่าคาร์ดิโอทั่วๆไป
  HIIT (High Intensity Interval Training) คือการออกกำลังกายหนัก-เบาสลับกันไปมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งโดยจัดเป็นรอบๆ ตัวอย่างเช่น กระโดดเชือก 30 วินาที สลับกับเดินอยู่กับที่ 60 วินาที ทำแบบนี้สลับกันไปมา 10-15 นาที เป็นต้น
  การออกกำลังกายแบบ HIIT เหนือกว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอทั่วๆไปตรงที่คุณใช้เวลาน้อยกว่าแต่สามารถที่จะเบิร์นได้มากกว่า และที่สำคัญร่างกายยังสามารถที่จะเบิร์นแคลอรี่ต่อเนื่องหลังออกกำลังกายได้นานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และเป็นการออกกำลังกายแนวคาร์ดิโอที่ดีที่สุด ส่วนคนที่กังวลว่าการออกกำลังกายแบบนี้มวลกล้ามเนื้อจะหายไปพร้อมกับไขมันหรือเปล่า ขอบอกว่าคิดผิดอย่างแรง จากการศึกษาพบว่าถึงแม้การออกกำลังกายแบบ HIIT จะสามารถเผาผลาญแคลอรี่และไขมันได้มาก แต่ไม่ได้เกิดการสูญเสียของมวลกล้ามเนื้ออย่างแน่นอน
  นอกจากนี้การออกกำลังกายแบบ HIIT ยังสามารถประยุกต์ออกมาได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิ่งแบบHIIT กระโดดเชือกแบบHIIT เต้นแบบHIIT เป็นต้น รับรองว่าฟิตหุ่นได้แบบไม่น่าเบื่อแน่นอน












วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

มาฟิตหุ่นกับจิลเลี่ยน ไมเคิล (Jillian Michaels)กันเหอะ


    จิลเลี่ยน ไมเคิล(Jillian Michaels) ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอ เพราะเธอคือเทรนเนอร์ที่โหดที่สุดจากรายการเรียลลิตี้โชว์ The Biggest Loser ที่ช่วยคนมากมายนับไม่ถ้วนลดน้ำหนัก จิลเลี่ยนเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านฟิตเนสที่มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ถือได้ว่าเป็นเทรนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จสูงมากๆ นอกจากรายการทีวีและดีวีดีออกกำลังกายแล้ว จิลเลี่ยนยังเป็นเจ้าของหนังสือขายดีอย่าง Master Your Metabolism, Unlimited : How to Build an Exceptional Life, และ Slim for Life : My Insider Secrets to Simple, Fast, and Lasting Weight Loss ด้วยบุคลิคอันโดดเด่ดประกอบกับความมั่นใจของเธอ จึงทำให้เธอเป็นเสมือนโมเดลหรือไอดอลของสาวๆ หลายๆ คนอีกด้วย สำหรับคนที่สนใจอยากมีจิลเลี่ยนมาเทรนให้ถึงห้องนั่งเล่นที่บ้าน ลองมาดูกันว่าเธอมีดีวีดีอะไรบ้างที่จะมาช่วยแปลงโฉมเราให้ฟิตเปี๊ยะกัน


สำหรับมือใหม่หรือBeginners







Jillian Michaels' for Beginners : Frontside




 











Jillian Michaels' for Beginners : Backside



 

 

 

 

 

 

สำหรับคนที่ Level - ระดับกลาง IntermediateหรือInter/Advanced


 






Jillian Michaels' Kickbox FastFix










 






Jillian Michaels' Ripped in 30











 




Jillian Michaels' 6 week six-pack











 





Jillian Michaels' Yoga Inferno









Jillian Michaels' Yoga Meltdown
















 Jillian Michaels' Banish Fat, Boost Metabolism

















Jillian Michaels' No More Trouble Zones























Jillian' Body Revolution 15-DVD Set
ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.jillianmichaelsbodyrevolution.com



สำหรับคนที่ Level สูงหรือAdvanced







Jillian Michaels' Killer Abs

















Jillian Michaels' Killer Buns & Thighs
















Jillian Michaels' Shred It with Weight


















Jillian Michaels' 30 Day Shred
















Jillian Michaels' Hard Body

















Jillian Michaels' Extreme shed&Shred 


















นอกจากนี้แล้ว Jillian Michaels ยังมาในรูปแบบของApp และXBox อีกด้วย
(App ของ Jillian ขณะนี้สามารถใช้งานได้เฉพาะที่อเมริกาเท่านั้น แต่หวังว่าในอีกไม่นานคงจะพัฒนาให้สามารถใช้งานในประเทศอื่นได้เพิ่มขึ้น)



สนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีที่  
http://www.jillianmichaels.com/fit/mobile-tools-app-iphone
มีทั้งversionสำหรับ iPhone, iPad, และAndroid




Jillian Michaels' XBOX Fitness Adventure เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.jillianmichaels.com/fit/the-store/fitness-adventure-videogame


Credit :  http://www.jillianmichaels.com/fit/

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คาร์ดิโอ VS ยกน้ำหนัก กับการลดความอ้วน

  ได้ยิน ได้อ่าน ได้ฟัง มาเยอะเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแนวคาร์ดิโอที่เบิร์นแคลอรี่ได้มหาศาล การยกน้ำหนักที่จะช่วยลดไขมันและกระชับสัดส่วน เราต่างก็รู้ว่าการออกกำลังกายทั้งสองอย่างช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ก็ยังที่จะอดสงสัยไม่ได้ว่า...แล้วอันไหนดีกว่ากันละ ในเวลาที่จำกัดถ้าให้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เลือกอันไหนดี การทำความเข้าใจการออกกำลังกายทั้งสองแบบจะช่วยตอบคำถามเหล่าันั้นได้ดียิ่งขึ้น



คาร์ดิโอ(Cardio) เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและสามารถที่จะเบิร์นแคลอรี่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับการทำกิจกรรมทั่วๆ ไป ตัวอย่างการออกกำลังกายแนวคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง, เต้น, เดิน, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, กระโดดเชือก, Elliptical trainer, รวมถึงดีวีดีออกกำลังกายแนวคาร์ดิโอทั้งหลายด้วย ในขณะที่ออกกำลังกายนั้นร่างกายจะปรับระบบเผาผลาญของเราให้ทำงานสูงขึ้นตามระดับความหนักเบาของกิจกรรมนั้นๆ เกิดการแตกตัวของกลูโคสและมีการดึงเอาพลังงานที่สะสมไว้มาใช้ ในกระบวนการที่เกิดขึ้นนี้ร่างกายจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนเพิ่มขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงหายใจหนักขึ้นในขณะออกกำลังกาย หัวใจที่เต้นถี่มากขึ้นก็เนื่องจากต้องสูบฉีดเลือดจากปอดไปยังเซลล์ต่างๆ ของร่างกายให้ทันการใช้งาน เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณหายใจหนักขึ้นถี่ขึ้นขณะออกกำลังกาย รู้ไว้เลยว่าคุณกำลัง"เบิร์นแคลอรี่"อยู่ ปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญไปนั้นในแต่ละคนจะแตกต่างกันตามน้ำหนัก ส่วนสูง ระยะเวลาและความหนักของการออกกำลังกาย เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดของการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอควรที่จะออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป นอกจากนี้การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอยังทำให้มีการหลั่งของสารเอนโดรฟีน(endorphins)ซึ่งช่วยลดความเครียด, ความกังวล, และภาวะซึมเศร้าได้



การยกน้ำหนัก(Weight training) อาจจะเผาผลาญแคลอรี่ในขณะออกกำลังได้ไม่มากเท่าแบบคาร์ดิโอ แต่ร่างกายจะยังคงเผาผลาญต่อเนื่องแม้หลังการออกกำลังกาย ซึ่งแตกต่างจากคาร์ดิโอที่ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานสูงขึ้นเฉพาะช่วงออกกำลังกายเท่าันั้น นั่นเป็นเพราะขณะยกน้ำหนักได้เกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้อและร่างกายต้องซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ยิ่งร่างกายต้องซ่อมแซมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น ระดับการฉีกขาดมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความหนักของการออกกำลังกาย รวมถึงประเภทและเทคนิคที่ใช้อีกด้วย ผลลัพธ์จากการออกกำลังกายประเภทนี้คือมีกล้ามเนื้อมากขึ้น และกล้ามเนื้อที่มากขึ้นจะช่วยให้สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น--แม้คุณจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม นอกจากนี้การยกน้ำหนักยังมีประโยชน์ในแง่ของกระดูกที่แข็งแรงขึ้น, ระบบเผาผลาญที่ดีขึ้น, และบูสการทำงานของสมองอีกด้วย



สรุปการออกกำลังกายทั้งสองแบบช่วยในเบิร์นแคลอรี่ได้ดี แต่มีประโยชน์อื่นที่แตกต่างกันในคนละแง่ คาร์ดิโอเน้นการเบิร์นแคลอรี่ขณะออกกำลังกายและยังมีประโยชน์กับสุขภาพของหัวใจ, ปอด, และระบบภูมิต้านทานของร่างกาย ส่วนการยกน้ำหนักจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อซึ่งจะช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้้ดีมากขึ้น ย้อนกลับไปที่คำถามข้างบนว่าอันไหนดีกว่ากัน คงต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการผลลัพธ์ยังไงมากกว่า แต่หากต้องการผลลัพธ์สูงสุดก็ควรออกกำลังกายทั้งสองแบบ โดยอาจจะออกกำลังกายทั้งสองแบบในวันเดียวกัน หรือจะแยกออกกำลังกายสลับวันกันก็ได้ เช่น หากคุณมีเวลาออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง คุณอาจจะแบ่งเป็นคาร์ดิโอครึ่งชั่วโมงและยกน้ำหนักอีกครึ่งชั่วโมง หรือสลับวันออกกำลังกายโดยจันทร์-พุธ-ศุกร์=คาร์ดิโอ, อังคาร-พฤหัส-เสาร์=ยกน้ำหนักก็ได้เช่นกัน

ดีวีดีออกกำลังกายบัลเล่ต์(ballet)ที่จะทำให้หุ่นเพรียวยาวแบบนักบัลเล่ต์

   หลังจากหนังเรื่อง Black Swan ได้เข้าฉายในปี 2010 ซึ่งนำแสดงโดยนาตาลี พอร์ตแมน กระแสการออกกำลังกายประเภทการเต้นอย่างบัลเล่ต์ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น ดูเหมือนว่าใครๆ ก็อยากที่จะมีรูปร่างที่เพรียวสง่าแบบนักเต้นบัลเล่ต์ การออกกำลังกายแบบบัลเล่ต์นั้นเป็นการออกกำลังกายทุกสัดส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ไม่ใช่แค่เบิร์นแคลอรี่หรือลดไขมันเท่าันั้น ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น(flexibility)และพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่างๆ(range of motion) เป็นรูปแบบการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ(strength training)ที่ดีมากๆ อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบการออกกำลังกายแบบเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั่วไปอย่างการยกน้ำหนัก นอกจากนี้การเต้นบัลเล่ต์ยังช่วยลดความเครียดได้้ดีอีกด้วย ใครที่สนใจการออกกำลังกายแนวนี้ เดี๋ยวนี้ได้มีดีวีดีเต้นบัลเล่ต์ที่สามารถออกกำลังกายได้เองแม้อยู่ที่บ้านที่น่าสนใจมากๆ และที่สำคัญ....เห็นผลลัพธ์อย่างแน่นอน!!


Ballet Beautiful (เทรนเนอร์ Mary Helen Bowers)

Website : https://www.balletbeautiful.com





ตัวอย่างดีวีดี Ballet Beautiful คลิกที่นี้

ตัวอย่างดีวีดี Ballet Beautiful Cardio Fat Burn คลิกที่นี้



Element : Ballet Conditioning (เทรนเนอร์ Elise Gulan)

 






Ballet Fitness with Nicky McGinty





New York City Ballet Workout

 






Ballet Body Workout with Jennifer Galardi





Eric Zimmer's Dance Workout






Credit รูปภาพและวีดิโอ : www.balletbeautiful.com
                                  www.collagevideo.com
                                  www.totalfitnessdvds.com

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ดีวีดีออกกำลังกายแนวโยคะ/พิลาติสที่น่าสนใจ

   คนที่ชอบออกกำลังกายแนวโยคะหรือพิลาติส การมีดีวีดีที่ดีๆ ติดบ้านไว้ก็ถือว่าเป็นความคิดที่เข้าท่ามาก แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อแผ่นไหนดีหรือเป็นมือใหม่โยคะ/พิลาติสอยากลองที่จะออกกำลังกายแนวนี้ดูบ้าง มีดีวีดีที่น่าสนใจมาแนะนำค่ะ

ดีวีดีโยคะ/พิลาติสที่เหมาะสำหรับมือใหม่หรือbeginner 







Element : Targeted Toning Pilates for Beginners
   
ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้








 




Pilates for Beginners with Kristin McGee

ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้
















Rodney Yee's Daily Yoga 

 ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้
















Tara Lee's Elements of Yoga : Air & Water Flow 

 ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้















Shiva Rea's Flow Yoga for Beginners 

ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้
















 Tara Stiles This is Yoga : 4 DVD Set

  ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้


 

 

 

 

 

 

 

ดีวีดีโยคะ/พิลาติสสำหรับ levelระดับกลางขึ้นไป


Kristin McGee's S3 - Strong, Sexy, Svelte 

 ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้

















Yogalosophy 

 ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้ 

















Ellen Barrett's Slim Sculpt  

ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้ 











 





Jillian Michael's Yoga Meltdown 

 ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้ 










 




Rodney Yee's Ultimate Power Yoga 

 ตัวอย่างดีวีดีคลิกที่นี้ 












Credit Video จาก http://www.collagevideo.com

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

10 ดีวีดีออกกำลังกายแนวเต้นที่จะระเบิดไขมันคุณ!!

  ใครที่รักการเต้นยกมือขึ้น!!! จะมีอะไรที่จะดีไปกว่าการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและทำให้ตัวเองหุ่นดีไปด้วยในเวลาเดียวกัน การเต้นเป็นการออกกำลังกายที่ดีมากๆ ที่จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินพร้อมไปกับการกระชับสัดส่วน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องหน้าท้อง สะโพก และต้นขา จงเต้นๆๆๆๆและก็เต้นๆๆๆ รับรองว่าหุ่นเพรียวแน่นอน!! ไม่ใช่แค่จะผอมฟิตแอนด์เฟิร์มเท่านั้น การเคลื่อนไหวร่างกายไปตามจังหวะเสียงเพลงสนุกๆ ยังช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อีกด้วย สนุกจนลืมไปเลยว่ากำลังออกกำลังกายอยู่ ตามฟิตเนสต่างๆ จะมีคลาสเต้นที่หลากหลาย แต่ถ้าใครที่ไม่สะดวกกับการไปใช้บริการที่ฟิตเนส มีดีวีดีออกกำลังแนวเต้นสนุกๆ มาแนะนำ รับรองว่าหุ่นดีได้ไม่แพ้กับการไปฟิตเนสเลยทีเดียว


1. Ministry Of Sound : Pump It Up - Aeroburn ไม่ใช่แค่สนุกเท่านั้น ยังเลิศมากอีกด้วย สาวๆ ในดีวีดีหุ่นดีแบบสุดๆ การออกกำลังกายในแผ่นแบ่งย่อยออกเป็นตอนๆ ตั้งแต่warm up, toning, เต้นอีก 2 ตอนแบ่งตามlevel, และท้ายสุดคือcool down ท่าเต้นจะเป็นการมิกซ์ระหว่างท่าแอโรบิคกับท่าเต้นสมัยใหม่ เพลงที่ใช้ก็ค่อนข้างที่จะเลือกมาได้ดี ทำให้การออกกำลังกายสนุกแบบไม่น่าเบื่อเลย




2. Dance with Julianne : Cardio Ballroom ใครบอกว่าการเต้นบอลรูมนั่นน่าเบื่อ ไม่จริ๊งงง ครูฝึกเต้นจากDancing with the starsคนนี้จะเปลี่ยนความคิดคุณไปเลยละ ในดีวีดีนี้คุณจะได้เรียนการเต้นcha-cha, jive, และpaso doble ซึ่งJulianneมีสไตล์การสอนที่ค่อนข้างสนุก ประกอบกับความน่ารักและหุ่นอันน่าอิจฉาของเธอ กว่าจะรู้ตัวอีกทีไขมันก็ถูกเผาผลาญซะไม่เหลือชิ้นดีเลยทีเดียว





3. Pussycat dolls workout อยากเรียนท่าเต้นเซ็กซี่ๆ จากมิวสิควิดีโอของPussycat dollsใช่มั้ย ต้องแผ่นนี้เลย Robin Antinผู้ที่อยู่เบื้องหลังท่าเต้นสุดเซ็กซี่ของสาวๆ วงPussycat dolls จะมาสอนท่าเต้นจากเพลง Don't Cha, Bottons, และการเต้นสไตล์Burlesque โดยในตอนท้ายNicole Scherzinger นักร้องนำของวงPussycat dollsจะมาเต้นแจมในเพลงBottonsด้วย





4. Step Up Revolution Dance Workout สาวกStep up ทั้งหลายห้ามพลาด เพราะคุณจะได้เรียนท่าเต้นสุดเจ๋งที่มาจากหนังสุดฮิตStep Up Revolution ในดีวีดีจะแบ่งออกเป็น 4 ตอน คือ Hip-Hop Jam, Latin Groove, Latin Hip-Hop Fusion, และHip Hop โดยจะค่อยๆ สอนท่าเต้นทีละสเต็ปก่อนแล้วนำท่าเต้นมาแจมกับเพลงในตอนท้าย ดีวีดีนี้จะให้อารมณ์ประมาณคลาสสอนเต้นมากกว่า แต่รับรองว่าเบิร์นแคลอรี่กระจายแน่นอน







5. Dance Off the Inches : Cardio Hip Hop แผ่นนี้เป็นการเต้นแนวฮิปฮอปที่ทั้งสนุก เซ็กซี่ และคุณจะได้เหงื่อที่เยอะมาก Jennifer Galardiจะค่อยๆสอนท่าเต้นทีละสเต็ป บางคนอาจจะรู้สึกยากนิดหน่อย แต่เมื่อไหร่ที่คุ้นกับท่าเต้นก็จะรู้สึกสนุกมากขึ้น





6. Ballet Beautiful : Cardio Fat Burn Mary Helen Bowersเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวของ Natalie Portman ตอนถ่ายทำหนังเรื่อง Black Swan เพราะฉะนั้นไม่ค้องสงสัยเลยว่าหุ่นเพรียวยาวร่างเล็กของNatalieได้มายังไง ดีวีดีนี้จะเป็นแนวบัลเล่ล์ ไม่ต้องกลัวว่าท่าจะซับซ้อนจนทำตามไม่ได้ เพราะท่าส่วนใหญ่จะเป็นท่าแบบเบสิค แต่รับรองเลยว่าได้ปวดกล้ามเนื้อในวันถัดมาแน่นอน





7. Dancing With The Stars : Cardio Dance For Weight Loss แฟนพันธุ์แท้รายการทีวี Dancing with the stars ต้องชอบดีวีดีนี้อย่างแน่นอน สองครูฝึกจากรายการ Kim Johnson กับMark ฺBallas จะมาสอนคุณเต้นประหนึ่งคุณเป็นcelebrityเลยทีเดียว ในดีวีดีจะแบ่งออกเป็น 3 ตอน sexy samba, hip-shaking salsa, และhigh energy swing ถึงแม้ว่าที่ข้างกล่องจะเขียนว่า"perfect for beginners" แต่ดูเหมือนว่าท่าเต้นอาจจะซับซ้อนและไวไปนิดสำหรับคนที่ไม่เคยเต้นมาก่อน ดีวีดีนี้น่าจะเหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานการเต้นมาบ้างแล้ว





8. Hemalayaa : Bollywood Booty แผ่นนี้จะเป็นการเต้นแนวbollywoodของอินเดียที่จะเน้นไปทางแนวสนุกสนาน เบาๆ ไม่หนักมาก แต่ก็พอได้เหงื่อ อาจจะเหมาะสำหรับวันทีไม่ต้องการอะไรหนักๆ





9. Doonya : The Bollywood Dance Workout Complete 3 DVD series คนที่ชอบการเต้นสไตล์bollywoodจะต้องตกหลุมรักดีวีดีนี้เลยละ ในเซทจะประกอบไปด้วยดีวีดี 3 แผ่นซึ่งรวมสอนเต้นให้ด้วย เพราะฉะนั้นคนที่ไม่เคยเต้นมาก่อนหรือกลัวว่าจะเต้นไม่ได้ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพลงที่ใช้สนุกมากๆ และเข้าไปด้วยกันกับท่าเต้น ดีวีดีเซทนี้ไม่ใช่แค่จะสนุกอย่างเดียวเท่าันั้นแต่ยังเบิร์นได้มากถึง 600-800 แคลอรี่ต่อชั่วโมงอีกด้วย ไขมันเหรอ....อย่าหวังว่าจะรอดต่อไปเลย






10. Dance Off the Inches : Latin Cardio Party ดีวีดีนี้เป็นการเต้นแนวละติน ประกอบด้วย samba, Cumbia, และReggaeton แต่ละsectionความยาวประมาณ 10 นาที (คนที่ชอบบ่นว่าไม่มีเวลา หมดข้ออ้างแล้วนะ) ครูฝึกในแผ่นค่อยๆสอนเต้นทีละท่าและท่าที่ใช้ก็ไม่ค่อยซับซ้อนมาก สามารถเต้นตามได้ไม่ยาก