หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินชื่อ"อาซาอิ เบอร์รี่" (Acai Berry) ผลไม้มหัศจรรย์จากอเมริกาใต้ซึ่งกำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในหมู่ของสาวๆ ที่รักสวยรักงาม อาซาอิเบอร์รี่ขึ้นชื่ออย่างมากในประโยชน์ด้านสุขภาพโดยเฉพาะด้านความงามเพราะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มากที่สุด ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอย ฟื้นฟูและบำรุงผิวผรรณให้เปล่งปลั่งสดใส มากกว่านั้นในต่างประเทศยังมีการกล่าวถึงประโยชน์ของอาซาอิเบอร์รี่ในแง่ของการลดน้ำหนักอีกด้วยทั้งสูตรอาหารลดน้ำหนักและอาหารเสริม เป็นไปได้หรอว่าผลไม้ชนิดนี้จะมีสรรพคุณครอบจักรวาลอย่างมากมาย มันจะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่การกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริงกันแน่? มาดูกัน...
ก่อนอื่นสำหรับใครที่ไม่รู้จักอาซาอิเบอรี่หรือเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรก อาซาอิเบอรี่(Acai Berry) เป็นผลไม้ตระกูลเบอรี่มีแหล่งกำเนิดจากป่าอะเมซอน,อเมริกาใต้ จากการวิจัยพบว่าเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์, แหล่งไขมันชั้นเยี่ยมสำหรับหัวใจ และสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากๆ ช่วยต่อต้านและป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง นอกจากนี้ในระหว่างการวิจัยอาซาอิเบอร์รี่ของ University of Florida พบว่าสารสกัดจากอาซาอิเบอร์รี่ช่วยฆ่าเซลล์ลูคีเมีย(Leukemia)ได้ด้วย แต่เมื่อมาถึงอาซาอิเบอร์รี่กับการลดน้ำหนัก (อ้างอิงจาก www.webmd.com)กลับพบว่าไม่ค่อยมีหลักฐานจากการวิจัยมาสนับสนุนแนวคิดนี้มากนัก ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้จะเป็นหลอกลวง เพียงแต่การวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของอาซาอิเบอร์รี่ในแง่นี้ยังมีไม่มากพอและยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกมากถึงจะทำการสรุปได้
สรุปคืออาซาอิเบอร์รี่่ถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ทางโภชนาการสูงมากๆ ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมและความงาม การบริโภคอาซาอิเบอร์รี่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบผลไม้สดหรืออาหารเสริมควรใช้วิจารณญานในการตัดสินใจอย่างรอบคอบเนื่องจาก ณ ปัจจุบันยังไม่มีผลการวิจัยใดๆ ที่สามารถยืนยันหรือพิสูจน์ว่าอาซาอิเบอร์รี่ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือเปล่า และหากคุณตัดสินใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใดๆ ที่สกัดจากอาซาอิเบอร์รี่ก็ควรศึกษาฉลากและแหล่งที่มาของส่วนผสมอย่างละเอียดด้วย
ข้อมูลอ้างอิง :
http://www.webmd.com/diet/features/acai-weight-loss-wonder-fruit
http://www.fitday.com/fitness-articles/fitness/weight-loss/the-acai-berry-dietary-supplement-hype-and-fact.html#b
Sexy Skinny Diary
วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557
เคล็ดลับลดน้ำหนักเจ๋งๆ จากจิลเลี่ยน ไมเคิล (Jillian Michaels)
จิลเลี่ยน ไมเคิล (Jillian Michaels) เทรนเนอร์สุดโหดจากซีรี่ย์ The biggest loser ที่ช่วยให้คนมากมายประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก เธอรู้จริงในเรื่องการลดน้ำหนัก! ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย โภชนาการ หรือแม้กระทั่งแรงจูงใจ นี่เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นผลได้จริงจากจิลเลี่ยนที่จะมาช่วยกำจัดน้ำหนักที่คุณไม่ต้องการให้หายไป...
Diet tip 1 # Swear off fad diets -- fad diet คืออะไรหนอ?? มันคือแผนไดเอทที่นิยมเป็นช่วงๆ ตามเทรนที่สัญญาว่าคุณจะลดน้ำหนักมากมายมหาโขภายในเวลาที่สั้นมากๆ ตัวอย่างเช่น ซุปลดน้ำหนัก 7 วัน(ที่คุณไม่ได้กินอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากซุป ซุป แล้วก็ซุป) หรือพวกไดเอทที่ให้งดแป้งและไขมันโดยสิ้นเชิง ซึ่งมันก็ลดได้จริง แต่เฉพาะแค่เวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่มีผลในระยะยาว และที่สำคัญที่สุด...แผนไดเอทพวกนี้ส่งผลเสียแบบร้ายกาจกับระบบเผาผลาญของร่างกายอย่างสุดๆ!! เพราะแผนไดเอทพวกนี้ถ้าไม่ทำให้คุณอดยากหิวโหยแบบเหนือบรรยาย ก็ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารจากการตัดหมวดหมู่ของอาหารบางหมู่ออก ถ้าไม่อยากให้ร่างกายต้องเผชิญกับระบบเผาผลาญที่ย่ำแย่และการขาดสารอาหาร เจ๊จิลแนะนำว่าให้เลิกพวกเทรนfad dietทั้งหลายทั้งปวง
Diet tip 2 # Be an 80/20 eater -- พยายามให้ 80%ของอาหารที่คุณรับประทานในแต่ละวันเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ส่วนอีก 20%ที่เหลือพยายามสนุกกับอาหารอะไรก็ได้ที่คุณชอบ จิลเลี่ยนบอกว่าทำแบบนี้จะป้องกันไม่ให้รู้สึกขาดแคลนหรือโหยหาอาหารบางอย่างมากจนวันนึงตะบะแตกกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
Diet tip 3 # Speak in positives -- วิธีการพูดของเราเองสามารถส่งผลในด้านบวกได้ แทนที่จะพูดว่า "ฉันต้อง....." หรือ "ฉันทำไม่ได้" ลองเปลี่ยนมาเป็น "ฉันเลือกที่จะ....."หรือ "ฉันเชื่อว่า......" จะดีกว่า มันจะทำให้คุณรู้สึกถึงอำนาจในการที่จะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
Diet tip 4# Get your sleep -- การนอนหลับให้เพียงพอในแต่ละคืนคือสิ่งสำคัญพื้นฐานในการลดน้ำหนัก เพราะมันมีผลกับฮอร์โมนที่ควบคุมการเผาผลาญไขมัน, กักเก็บไขมัน, และการคงอยู่ของกล้ามเนื้อ ยิ่งฮอร์โมนในร่างกายมีความสมดุลมากเท่าไหร่ การควบคุมน้ำหนักก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่จิลเลี่ยนพยายามที่จะนอนหลับให้ได้คืนละ 6-8 ชั่วโมง
Diet tip 5 # Diversify your workout -- ออกกำลังกายให้หลากหลาย จิลเลี่ยนอธิบายว่าเมื่อคุณออกกำลังกายกล้ามเนื้อพร้อมกันหลายส่วนในเวลาเดียวกัน คุณไม่ใช่แค่ออกกำลังกายเฉพาะส่วนนั้นๆ แต่คุณกำลังออกกำลังกายหัวใจและหลอดเลือดหัวใจไปในเวลาเดียวกันด้วย ประโยชน์คือช่วยในการประหยัดเวลาและทำให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น นี่ไง..ที่เค้าเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!!
Diet tip 6 # Order wisely at restaurants -- อีกหนึ่งเคล็ดลับลดน้ำหนักที่น่าสนใจจากจิลเลี่ยนคือ สั่งอาหารอย่างชาญฉลาด อย่ากลัวที่จะถามหรือสั่งอาหารในแบบที่คุณต้องการ ผู้หญิงสมัยใหม่ควรกล้าที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
Diet tip 7 # Scout out lunch spots near office -- ค้นหารายชื่อร้านอาหารใกล้ที่ทำงาน การมีลิสต์ร้านอาหารจะช่วยให้คุณสะดวกมากขึ้นในการตัดสินใจว่าวันนี้จะทานอาหารเที่ยงที่ไหนดี เพราะอย่างน้อยคุณก็สามารถที่จะเลือกทานร้านที่ดูจะดีต่อสุขภาพคุณได้มากขี้น
Diet tip 8 # Fill up before parties -- ทานอาหารก่อนไปปาร์ตี้ ฟังดูแปลกๆใช่มั้ย จิลเลี่ยนแนะนำว่าควรทานของว่างรองท้องก่อนไปปาร์ตี้ทุกครั้ง เพราะปาร์ตี้หรืองานเลี้ยงส่วนใหญ่มักจะเสิร์ฟบุฟเฟ่ ซึ่งถ้าคุณกำลังหิวจัดเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะฟาดทุกอย่างที่ขวางหน้าแบบไม่ยั้ง
Diet tip 9 # Eat citrus every day -- ทานผลไม้ตระกูลส้มทุกวัน นั่นเพราะวิตามินซีช่วยยับยั้งฮอร์โมน"คอร์ติซอล"; ฮอร์โมนที่สั่งให้ร่างกายสะสมไขมัน
Diet tip 10 # Drink plenty of water -- ดื่มน้ำเยอะๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอแล้วคุณจะโหยแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตน้อยลง ยังไม่พอ!! ระบบเผาผลาญจะทำงานได้ดีขึ้นถึง 3%เชียวละ!!
Diet tip 11 # Say yes to dark chocolate -- ทานดาร์กช็อกโกแลต หลายๆคนอาจจะไม่เชื่อว่าช็อกโกแลตจัดเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากๆ มันเป็นเรื่องจริง!! แต่น้ำตาลและนมที่อยู่ในช็อกโกแลตเป็นผู้ร้ายที่ทำให้คุณอ้วน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ให้เลือกช็อกโกแลตแบบดาร์กหรือที่มีนมและน้ำตาลเป็นส่วนผสมให้น้อยที่สุดแล้วคุณจะปลอดภัย
Diet tip 12 # Stand up! -- ยืนขึ้น! พยายามยืนให้มากที่สุด เพราะขณะยืนร่างกายใช้พลังงานมากกว่านั่งมากถึง 1.5 เท่า
Diet tip 13 # Clean out your pantry -- โละตู้กับข้าวใหม่ซะ อะไรที่มีส่วนผสมของtrans fats, น้ำตาลเทียม และพวกน้ำเชื่อมทั้งหลายทิ้งไปซะ!!
Diet tip 14 # Spotlight healthy food -- จัดวางอาหารที่ดีต่อสุขภาพไว้ที่ที่มองเห็นได้ง่าย : ผลไม้บนเคาร์เตอร์, ในตู้เย็น-วางอาหารที่เฮลตี้ที่สุดในระดับสายตา, ในตู้กับข้าว-วางของว่าง/ขนมที่เฮลตี้ในตำแหน่งที่จะเห็นได้ชัดที่สุดเมื่อเปิดตู้
Diet tip 15 # Ration your junk food -- ระวังปริมาณของอาหารขยะที่คุณจะซื้อให้ดีๆ อย่าซื้อมากกว่าที่คุณจะกินหมดได้ในหนึ่งวัน และเพื่อความปลอดภัยของน้ำหนักบนตาชั่งของคุณเอง แทนที่จะซื้อขนาดใหญ่ ควรซื้อขนาดไซส์เล็กจะดีกว่า เช่น มันฝรั่งห่อเล็ก เป็นต้น เพราะถ้าซื้อห่อใหญ่ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าคุณจะกินมันทีเดียวหมดทั้งห่อในภายเดียว
ที่มา http://www.health.com/
วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
6 เคล็ดลับที่ไม่ลับ....กับการลดความอ้วน
การลดความอ้วน ถ้าจะว่ายาก..ก็ยาก ถ้าจะว่าง่าย..ก็ง่าย ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จกับการลดความอ้วน มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า"มันอยู่ที่พฤติกรรมของคุณเองนั่นแหละ" แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเรานี่สิ...ไม่ใช่ง่ายเลยนะ
ถ้างั้น.. มาดูกันว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่เราสามารถลองปรับเพื่อให้มีหุ่นเรียวบางกันบ้าง
1. ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ อันนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวันช่วยส่งเสริมสุขภาพของเราในทางที่ดีหลายๆ ด้าน อย่างน้อยที่ดีสุดก็ป้องกันไม่ให้เรากระหายจนหน้ามืดหันไปหาเครื่องดื่มแคลอรี่สูงอย่างพวกน้ำอัดลม เราควรดื่มน้ำอย่างต่ำวันละ 7-8 แก้ว ไม่ใช่ดื่มครั้งเดียวหมดนะ!! หมายถึงค่อยๆ ดื่มตลอดวันเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ สำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำอาจจะพบว่านี่เป็นเรื่องยาก คุณอาจลองพกขวดน้ำเล็กๆ ติดตัวไว้แล้วจิบทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ ก็จะช่วยให้คุณดื่มน้ำระหว่างวันได้มากขึ้น
2. พยายามอยู่ให้ห่างไกลอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปให้มากที่สุด อาหารแปรรูปไม่ได้หมายถึงแค่พวกอาหารจำพวกไส้กรอก แฮมเท่านั้น แต่รวมไปถึงอาหารกระป๋องและอาหารแช่แข็งทั้งหลาย ถ้าคุณพบว่าส่วนประกอบบนฉลากของอาหารนั่นๆ คุณอ่านออกเสียงไม่ถูกหรือไม่รู้จัก จำไว้เลยว่าให้อยู่ห่างๆ อาหารนั่นๆ ไว้
เหตุผลที่อาหารแปรรูปไม่ดีต่อความผอมของคุณเป็นเพราะว่า อาหารเหล่านั้นได้ผ่านกระบวนการทางเคมีต่างๆ ในการผลิต ซึ่งหากคุณบริโภคเข้าไปจะทำให้เกิดการตกค้างของสารเคมีหรือสารพิษในร่างกาย แล้วพวกสารเคมีหรือสารพิษพวกนี้ก็มักจะไปสะสมอยู่กับไขมัน ผลลัพท์ก็คือทำให้ลดน้ำหนักได้ยากขึ้น
ถึงแม้อาหารแปรรูปทั้งหลายจะสะดวกในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบและทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยงซะ พยายามเลือกทานอาหารที่สดใหม่จะดีกว่า ถ้าคุณไม่เคยย่างกรายเข้าไปในตลาดสดหรือแผนกอาหารสดเลย นี่จะเป็นโอกาสที่ดีของคุณที่จะเปิดกว้างมุมมองการเลือกรับประทานอาหารของคุณ เป็นไปได้ว่าคุณอาจได้รับประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดก็ได้
3. ทานทุกๆ 3 ชั่วโมง ปกติเราจะทานอาหารวันละ 3 มื้อ ; เช้า-กลางวัน-เย็น แต่้ถ้าคุณอยากบูสการทำงานของระบบเผาผลาญ คุณควรเพิ่มมื้อเล็กๆ ระหว่างวันด้วย เน้นว่ามื้อเล็กๆ ตัวอย่างเช่น ถั่ว 1 กำมือ, โยเกิร์ต 1 ถ้วย, แอบเปิ้ล 1 ลูก เป็นต้น สาเหตุที่มื้อเล็กๆ ระหว่างวันช่วยให้คุณลดน้ำหนักง่ายขึ้น เป็นเพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณไม่ได้ทานอะไรนานเกิน 4 ชั่วโมง(ยกเว้นตอนนอนหลับ) ร่างกายของคุณจะปรับตัวเองเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานน้อยลง สะสมไขมันมากขึ้น ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น พยายามพกของว่าง(ที่มีประโยชน์)ติดตัวไว้เสมอและไม่ควรปล่อยให้มื้ออาหารห่างกันมากกว่า 4 ชั่วโมง เพื่อให้ระบบเผาผลาญของเราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
4. โปรตีนควรมีอยู่ในอาหารทุกมื้อของคุณ โปรตีน โปรตีน โปรตีน คุณได้ยินมันเกือบทุกวัน คุณอาจจะคิดว่าโปรตีนนั้นสำหรับนักเพาะกล้ามหรือคนที่ต้องการมีกล้ามใหญ่ๆ เท่านั้น และหากคุณกินโปรตีนเข้าไปคุณอาจจะกลายร่างเป็นเดอะฮัคก็ได้ เป็นความเชื่อที่ผิด!!! ถ้าคุณต้องการจะลดไขมันไปพร้อมๆ กับลดน้ำหนัก โปรตีนคือสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับคุณ เพราะอะไรงั้นหรอ? ประการแรก โปรตีนช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญของคุณ โปรตีนมีส่วนสำคัญที่ช่วยในการซ่อมแซมตัวเองและป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ ประการที่สอง คุณรู้หรือไม่ว่าร่างกายต้องใช้พลังงานอย่างมากมายในการย่อยโปรตีน มากกว่าอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและไขมันซะอีก นอกจากนี้แล้วคุณควรคำนึงถึงการเลือกรับประทานโปรตีนที่มีคุณภาพด้วย เช่น จากปลา ไข่ ไก่ ถั่ว เป็นต้น
5. ยกน้ำหนัก เมื่อพูดถึงการออกกำลังกาย....คนที่พยายามลดน้ำหนักส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการออกกำลังกายแนวคาร์ดิโอ มันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะ เพียงแต่การออกกำลังกายแนวยกน้ำหนักหรือฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าในระยะยาว เพราะหลังการยกน้ำหนักหรือฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ร่างกายจำเป็นต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูงในการซ่อมแซมตัวเองหรือกลับคืนสู่สภาพ จึงเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า "After burn effect" คือการที่ร่างกายยังคงเผาผลาญพลังงานต่อเนื่องในระดับเดียวกับขณะออกกำลังกายแม้ว่าจะไม่ได้กำลังออกกำลังกายอยู่ก็ตาม การยกน้ำหนักหรือฝึกกล้ามเนื้อเป็นประจำจะส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานมากขึ้น นอกจากนี้คุณยังได้กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นอีกด้วย การยกน้ำหนักหรือฝึกกล้ามเนื้อเพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ชัดเจนควรออกกำลังกายแนวนี้ 3-4 ครั้งต่ออาทิตย์หรือวันเว้นวันเพื่อให้ร่างกายได้พักฝื้น และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดคุณสามารถออกกำลังกายแนวยกน้ำหนักร่วมกันกับแนวคาร์ดิโอก็ได้เช่นกัน
6. ขยับบ่อยๆ ถ้าคุณอยากผอม คุณควรเป็นคนที่มีความแอคทีฟสูง อย่าหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานๆ(ยกเว้นตอนนอนนะ) พยายามเคลื่อนไหวทำนู่นทำนี่เรื่อยๆ ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเลยเพราะอุปสรรคของหลายๆ คนคือ"ความขี้เกียจ" ถ้าคุณอยากเป็นคนผอมตลอดกาล จำเป็นมากที่จะต้องปรับตัวเอง อาจจะเริ่มด้วยการทำงานบ้านเอง จอดรถไกลหน่อยเพื่อให้ได้เดินมากขึ้น ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟ เป็นต้น
ถ้าคุณต้องการลดน้ำหนัก "พฤติกรรม" เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งหมดผ่านในวันเดียว ค่อยเป็นคอยไปจะดีที่สุด และอีกอย่างที่สำคัญมากๆเช่นกันคือ"ทัศนคติ" เมื่อใดก็ตามที่คุณเชื่อว่าคุณทำได้...ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลหรอก
ถ้างั้น.. มาดูกันว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่เราสามารถลองปรับเพื่อให้มีหุ่นเรียวบางกันบ้าง
1. ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ อันนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวันช่วยส่งเสริมสุขภาพของเราในทางที่ดีหลายๆ ด้าน อย่างน้อยที่ดีสุดก็ป้องกันไม่ให้เรากระหายจนหน้ามืดหันไปหาเครื่องดื่มแคลอรี่สูงอย่างพวกน้ำอัดลม เราควรดื่มน้ำอย่างต่ำวันละ 7-8 แก้ว ไม่ใช่ดื่มครั้งเดียวหมดนะ!! หมายถึงค่อยๆ ดื่มตลอดวันเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ สำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำอาจจะพบว่านี่เป็นเรื่องยาก คุณอาจลองพกขวดน้ำเล็กๆ ติดตัวไว้แล้วจิบทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ ก็จะช่วยให้คุณดื่มน้ำระหว่างวันได้มากขึ้น
2. พยายามอยู่ให้ห่างไกลอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปให้มากที่สุด อาหารแปรรูปไม่ได้หมายถึงแค่พวกอาหารจำพวกไส้กรอก แฮมเท่านั้น แต่รวมไปถึงอาหารกระป๋องและอาหารแช่แข็งทั้งหลาย ถ้าคุณพบว่าส่วนประกอบบนฉลากของอาหารนั่นๆ คุณอ่านออกเสียงไม่ถูกหรือไม่รู้จัก จำไว้เลยว่าให้อยู่ห่างๆ อาหารนั่นๆ ไว้
เหตุผลที่อาหารแปรรูปไม่ดีต่อความผอมของคุณเป็นเพราะว่า อาหารเหล่านั้นได้ผ่านกระบวนการทางเคมีต่างๆ ในการผลิต ซึ่งหากคุณบริโภคเข้าไปจะทำให้เกิดการตกค้างของสารเคมีหรือสารพิษในร่างกาย แล้วพวกสารเคมีหรือสารพิษพวกนี้ก็มักจะไปสะสมอยู่กับไขมัน ผลลัพท์ก็คือทำให้ลดน้ำหนักได้ยากขึ้น
ถึงแม้อาหารแปรรูปทั้งหลายจะสะดวกในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบและทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยงซะ พยายามเลือกทานอาหารที่สดใหม่จะดีกว่า ถ้าคุณไม่เคยย่างกรายเข้าไปในตลาดสดหรือแผนกอาหารสดเลย นี่จะเป็นโอกาสที่ดีของคุณที่จะเปิดกว้างมุมมองการเลือกรับประทานอาหารของคุณ เป็นไปได้ว่าคุณอาจได้รับประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดก็ได้
3. ทานทุกๆ 3 ชั่วโมง ปกติเราจะทานอาหารวันละ 3 มื้อ ; เช้า-กลางวัน-เย็น แต่้ถ้าคุณอยากบูสการทำงานของระบบเผาผลาญ คุณควรเพิ่มมื้อเล็กๆ ระหว่างวันด้วย เน้นว่ามื้อเล็กๆ ตัวอย่างเช่น ถั่ว 1 กำมือ, โยเกิร์ต 1 ถ้วย, แอบเปิ้ล 1 ลูก เป็นต้น สาเหตุที่มื้อเล็กๆ ระหว่างวันช่วยให้คุณลดน้ำหนักง่ายขึ้น เป็นเพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณไม่ได้ทานอะไรนานเกิน 4 ชั่วโมง(ยกเว้นตอนนอนหลับ) ร่างกายของคุณจะปรับตัวเองเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานน้อยลง สะสมไขมันมากขึ้น ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น พยายามพกของว่าง(ที่มีประโยชน์)ติดตัวไว้เสมอและไม่ควรปล่อยให้มื้ออาหารห่างกันมากกว่า 4 ชั่วโมง เพื่อให้ระบบเผาผลาญของเราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
4. โปรตีนควรมีอยู่ในอาหารทุกมื้อของคุณ โปรตีน โปรตีน โปรตีน คุณได้ยินมันเกือบทุกวัน คุณอาจจะคิดว่าโปรตีนนั้นสำหรับนักเพาะกล้ามหรือคนที่ต้องการมีกล้ามใหญ่ๆ เท่านั้น และหากคุณกินโปรตีนเข้าไปคุณอาจจะกลายร่างเป็นเดอะฮัคก็ได้ เป็นความเชื่อที่ผิด!!! ถ้าคุณต้องการจะลดไขมันไปพร้อมๆ กับลดน้ำหนัก โปรตีนคือสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับคุณ เพราะอะไรงั้นหรอ? ประการแรก โปรตีนช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญของคุณ โปรตีนมีส่วนสำคัญที่ช่วยในการซ่อมแซมตัวเองและป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ ประการที่สอง คุณรู้หรือไม่ว่าร่างกายต้องใช้พลังงานอย่างมากมายในการย่อยโปรตีน มากกว่าอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและไขมันซะอีก นอกจากนี้แล้วคุณควรคำนึงถึงการเลือกรับประทานโปรตีนที่มีคุณภาพด้วย เช่น จากปลา ไข่ ไก่ ถั่ว เป็นต้น
5. ยกน้ำหนัก เมื่อพูดถึงการออกกำลังกาย....คนที่พยายามลดน้ำหนักส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการออกกำลังกายแนวคาร์ดิโอ มันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะ เพียงแต่การออกกำลังกายแนวยกน้ำหนักหรือฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าในระยะยาว เพราะหลังการยกน้ำหนักหรือฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ร่างกายจำเป็นต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูงในการซ่อมแซมตัวเองหรือกลับคืนสู่สภาพ จึงเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า "After burn effect" คือการที่ร่างกายยังคงเผาผลาญพลังงานต่อเนื่องในระดับเดียวกับขณะออกกำลังกายแม้ว่าจะไม่ได้กำลังออกกำลังกายอยู่ก็ตาม การยกน้ำหนักหรือฝึกกล้ามเนื้อเป็นประจำจะส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานมากขึ้น นอกจากนี้คุณยังได้กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นอีกด้วย การยกน้ำหนักหรือฝึกกล้ามเนื้อเพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ชัดเจนควรออกกำลังกายแนวนี้ 3-4 ครั้งต่ออาทิตย์หรือวันเว้นวันเพื่อให้ร่างกายได้พักฝื้น และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดคุณสามารถออกกำลังกายแนวยกน้ำหนักร่วมกันกับแนวคาร์ดิโอก็ได้เช่นกัน
6. ขยับบ่อยๆ ถ้าคุณอยากผอม คุณควรเป็นคนที่มีความแอคทีฟสูง อย่าหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานๆ(ยกเว้นตอนนอนนะ) พยายามเคลื่อนไหวทำนู่นทำนี่เรื่อยๆ ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเลยเพราะอุปสรรคของหลายๆ คนคือ"ความขี้เกียจ" ถ้าคุณอยากเป็นคนผอมตลอดกาล จำเป็นมากที่จะต้องปรับตัวเอง อาจจะเริ่มด้วยการทำงานบ้านเอง จอดรถไกลหน่อยเพื่อให้ได้เดินมากขึ้น ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟ เป็นต้น
ถ้าคุณต้องการลดน้ำหนัก "พฤติกรรม" เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งหมดผ่านในวันเดียว ค่อยเป็นคอยไปจะดีที่สุด และอีกอย่างที่สำคัญมากๆเช่นกันคือ"ทัศนคติ" เมื่อใดก็ตามที่คุณเชื่อว่าคุณทำได้...ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลหรอก
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
เซลลูไลท์....กำจัดได้จริงหรือ??
เซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้มเปรียบเสมือนศัตรูอันร้ายกาฉของผู้หญิงได้เลยทีเดียว ซึ่งส่งผลให้หลายๆคนขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าที่จะใส่กางเกงขาสั้นหรืออวดเรียวขา ต้องคอยปกปิดตลอด เซลลูไลท์สามารถที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคน ผู้ชายหรือผู้หญิง(แต่มักพบในผู้หญิงมากกว่า) จะอ้วนหรือผอมเป็นได้ทั้งนั้น น้ำหนักตัวไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ
มาดูกันว่าแท้จริงแล้ว"เซลลูไลท์"คืออะไร? แล้วมันเกิดขึ้นได้ไง?
เซลลูไลท์ (cellulite) คือ เซลล์ก้อนไขมันที่สะสมกันใต้ผิวหนังอย่างหนาแน่นจนนูนขึ้นมาตะบุ่มตะบ่ำคล้ายผิวของเปลือกส้ม 80% ของผู้หญิงมีเซลลูไลท์ขึ้นอยู่กับว่ามากหรือน้อย ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย บริเวณที่มักพบเซลลูไลท์ ได้แก่ ต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง และสะโพก
สาเหตุที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์
แน่นอนว่ามีครีม โลชั่น เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายก่ายกองที่เครมว่าสามารถกำจัดเซลลูไลท์ได้ แต่ข่าวร้ายคือไม่มีเทคโนโลยีหรือครีมใดๆที่สามารถกำจัดเซลลูไลท์ได้จริงๆ ผลลัพท์ที่ได้ส่วนใหญ่คือผิวที่ดูเรียบเนียนขึ้น สม่ำเสมอขึ้น แต่คุณต้องจ่ายเงินไปจำนวนมากมาย และผลลัพท์ส่วนใหญ่มักจะเป็นผลลัพท์แค่ชั่วคราว ถ้าคุณหยุดเข้ารับการรักษาหรือใช้ครีม ผลลัพท์ที่ได้ก็จะค่อยๆหายไป วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรับมือกับเซลลูไลท์คงหนีไม่พ้น"โภชนาการที่ดี"และ"ออกกำลังกายที่เหมาะสม" ก็แหงละ เซลลูไลท์มันก็คือไขมันดีๆนี่เอง
โภชนาการที่ดี ถึงแม้จะไม่มีอาหารอะไรที่จะสามารถกำจัดเซลลูไลท์แบบตรงจุดได้ แต่การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์กับร่างกาย นอกจากผิวผรรณ รูปร่างที่ดีขึ้นแล้วยังช่วยในการซ่อมแซมตัวเองของผิวอีกด้วย ส่งผลให้เซลลูไลท์สามารถดูดีขึ้นได้ในระยะยาว
งั้นมาดูกันว่ามีอาหารอะไรเป็นพิเศษที่จะช่วยให้เรารับมือกับเซลลูไลท์ได้ดีมากขึ้น
ออกกำลังกายเพื่อลดเซลลูไลท์ การออกกำลังกายน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะกำจัดเซลลูไลท์แบบถาวร การออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน เพิ่มอัตราการเผาผลาญ ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และกล้ามเนื้อต่างๆกระชับได้สัดส่วนมากขึ้น การออกกำลังเพื่อกำจัดเซลลูไลท์ไม่ได้จำกัดแค่การออกกำลังกายแค่อย่างหรือสองอย่าง ที่จริงแล้วการออกกำลังกายเกือบทุกอย่างสามารถช่วยลดเซลลูไลท์ได้ ไม่ว่าจะโยคะ พิลาติส วิ่ง ว่ายน้ำ เต้น คุณสามารถเลือกออกกำลังกายที่คุณชอบแล้วเน้นบริเวณที่คุณกังวลเป็นพิเศษเพิ่มเติม ความลับที่จะกำจัดเซลลูไลท์มีอยู่ว่าควรออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยอาทิตย์ละ 4-5 ครั้ง และควรออกกำลังกายให้หลากหลาย หมั่นเปลี่ยนแปลงหรือท้าทายตัวเองมากขึ้น ไม่ควรทำอะไรซ้ำๆมากกว่า 3 เดือน ตัวอย่างเช่น หากคุณยกน้ำหนัก อาจลองเพิ่มน้ำหนักที่ใช้ทุกๆเดือนหรือสองเดือน เป็นต้น
เซลลูไลท์เป็นสิ่งที่สาวๆ เกือบทุกคนต้องการจะกำจัด ถึงแม้จะมีครีม เครื่องมือ อุปกรณ์ทางแพทย์ หรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ราคาแพงมานำเสนอ แต่ปรากฎว่าวิธีที่จะกำจัดเซลลูไลท์ได้ดีที่สุดคืออาหารและออกกำลังกาย รวมถึงการปรับวิถีการใช้ชีวิตของตัวคุณเอง
มาดูกันว่าแท้จริงแล้ว"เซลลูไลท์"คืออะไร? แล้วมันเกิดขึ้นได้ไง?
เซลลูไลท์ (cellulite) คือ เซลล์ก้อนไขมันที่สะสมกันใต้ผิวหนังอย่างหนาแน่นจนนูนขึ้นมาตะบุ่มตะบ่ำคล้ายผิวของเปลือกส้ม 80% ของผู้หญิงมีเซลลูไลท์ขึ้นอยู่กับว่ามากหรือน้อย ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย บริเวณที่มักพบเซลลูไลท์ ได้แก่ ต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง และสะโพก
สาเหตุที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์
- อาหาร การรับประทานอาหารจำพวกไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
- ขาดการออกกำลังกายหรือทำงานที่นั่งอยู่กับที่่มากเกินไป
- อายุ อายุที่มากขึ้นอาจทำให้เซลลูไลท์เห็นไ้ด้ชัดขึ้น
- ฮอร์โมน เนื่องจากเซลลูไลท์มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าฮอร์โมนมีผลกับการเกิดขึ้นของเซลลูไลท์ โดยเฉพาะช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ย่างเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงตั้งครรภ์ ย่างเข้าสู่วัยทอง และแน่นอนการทานยาคุมทำให้แนวโน้มการเกิดเซลลูไลท์สูงขึ้นด้วย
- กรรมพันธุ์ ถ้าคุณสังเกตว่าแม่ของคุณมีเซลลูไลท์ ก็ไม่แปลกที่คุณจะมีเซลลูไลท์ด้วยเหมือนกัน
- สูบบุหรี่
- ความเครียด
แน่นอนว่ามีครีม โลชั่น เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายก่ายกองที่เครมว่าสามารถกำจัดเซลลูไลท์ได้ แต่ข่าวร้ายคือไม่มีเทคโนโลยีหรือครีมใดๆที่สามารถกำจัดเซลลูไลท์ได้จริงๆ ผลลัพท์ที่ได้ส่วนใหญ่คือผิวที่ดูเรียบเนียนขึ้น สม่ำเสมอขึ้น แต่คุณต้องจ่ายเงินไปจำนวนมากมาย และผลลัพท์ส่วนใหญ่มักจะเป็นผลลัพท์แค่ชั่วคราว ถ้าคุณหยุดเข้ารับการรักษาหรือใช้ครีม ผลลัพท์ที่ได้ก็จะค่อยๆหายไป วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรับมือกับเซลลูไลท์คงหนีไม่พ้น"โภชนาการที่ดี"และ"ออกกำลังกายที่เหมาะสม" ก็แหงละ เซลลูไลท์มันก็คือไขมันดีๆนี่เอง
โภชนาการที่ดี ถึงแม้จะไม่มีอาหารอะไรที่จะสามารถกำจัดเซลลูไลท์แบบตรงจุดได้ แต่การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์กับร่างกาย นอกจากผิวผรรณ รูปร่างที่ดีขึ้นแล้วยังช่วยในการซ่อมแซมตัวเองของผิวอีกด้วย ส่งผลให้เซลลูไลท์สามารถดูดีขึ้นได้ในระยะยาว
งั้นมาดูกันว่ามีอาหารอะไรเป็นพิเศษที่จะช่วยให้เรารับมือกับเซลลูไลท์ได้ดีมากขึ้น
- ผักและผลไม้สด ยิ่งเยอะยิ่งดี อันนี้สำคัญมากเพราะมักถูกมองข้ามได้ง่าย
- โปรตีนไขมันต่ำ เช่น ปลา ไก่ รวมถึงพืชตระกูลถั่วด้วย
- น้ำเปล่า อย่างต่ำวันละ 8 แก้ว
- พยายามเลือกทานอาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติให้มากที่สุด ที่ผ่านการดัดแปลงหรือขัดสีให้น้อยที่สุด อย่างเช่น ข้าวกล้อง ขนมปังชนิดโฮลวีท เป็นต้น
- อาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูง เช่น ลูกอม
- ระวังปริมาณการรับประทานประเภทคารโบไฮเดรตทุกชนิดในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นข้าว ขนมปัง หรือพาสต้า
- ควรระวังปริมาณเกลือของเกลือที่ปริโภคในแต่ละวัน ถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่่ยง
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการดัดแปลง เช่น ไส้กรอก
- ถ้าคุณเป็นนักปาร์ตี้ตัวยง ควรลดปริมาณแอลกอฮอล์ให้เหลือแค่อาทิตย์ละ 1-2 แก้ว
ออกกำลังกายเพื่อลดเซลลูไลท์ การออกกำลังกายน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะกำจัดเซลลูไลท์แบบถาวร การออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน เพิ่มอัตราการเผาผลาญ ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และกล้ามเนื้อต่างๆกระชับได้สัดส่วนมากขึ้น การออกกำลังเพื่อกำจัดเซลลูไลท์ไม่ได้จำกัดแค่การออกกำลังกายแค่อย่างหรือสองอย่าง ที่จริงแล้วการออกกำลังกายเกือบทุกอย่างสามารถช่วยลดเซลลูไลท์ได้ ไม่ว่าจะโยคะ พิลาติส วิ่ง ว่ายน้ำ เต้น คุณสามารถเลือกออกกำลังกายที่คุณชอบแล้วเน้นบริเวณที่คุณกังวลเป็นพิเศษเพิ่มเติม ความลับที่จะกำจัดเซลลูไลท์มีอยู่ว่าควรออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยอาทิตย์ละ 4-5 ครั้ง และควรออกกำลังกายให้หลากหลาย หมั่นเปลี่ยนแปลงหรือท้าทายตัวเองมากขึ้น ไม่ควรทำอะไรซ้ำๆมากกว่า 3 เดือน ตัวอย่างเช่น หากคุณยกน้ำหนัก อาจลองเพิ่มน้ำหนักที่ใช้ทุกๆเดือนหรือสองเดือน เป็นต้น
เซลลูไลท์เป็นสิ่งที่สาวๆ เกือบทุกคนต้องการจะกำจัด ถึงแม้จะมีครีม เครื่องมือ อุปกรณ์ทางแพทย์ หรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ราคาแพงมานำเสนอ แต่ปรากฎว่าวิธีที่จะกำจัดเซลลูไลท์ได้ดีที่สุดคืออาหารและออกกำลังกาย รวมถึงการปรับวิถีการใช้ชีวิตของตัวคุณเอง
วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เทคนิคการทานซูชิ(sushi)ให้ผอม
ถีงแม้ซูชิจะถือว่าเป็นอาหารไขมันต่ำ แต่ถ้าหากเลือกทานไม่ดีก็มีสิทธิ์ทำให้อ้วนได้เหมือนกัน นี่เป็นเทคนิคการทานซูชิที่จะทำให้ตัวอย่างบนตาชั่งของคุณน้อยลง
1. เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ ควรเลือกชิ้นที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า3 อย่างแซลมอนและทูน่า ซึ่งมีปริมาณแคลลอรี่ที่ต่ำมากๆ 40 แคลอรีต่อออนซ์(28.35กรัม)สำหรับแซลมอน และ 42 แคลอรี่ต่อออนซ์(28.35กรัม)สำหรับทูน่า
2. เมื่อทานซูชิ อย่าลืมนึกถึงวาซาบิ(wasabi) เพราะวาซาบิอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารไอโซไอโอไซยาเนท(isothiocyanates)ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี
3. พยายามหลีกเลี่ยงพวกเมนูที่ผ่านการทอดอย่างเช่นเทมปุระ แต่เลือกเมนูที่ผ่านการปรุงด้วยการนึ่งหรือย่างแทน หรือเมนูแบบดิบ(raw)อย่างซาชิิมิก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี
4. เลือกเมนูซูชิที่มีผักเป็นส่วนประกอบ โดยร้านอาหารส่วนใหญ่มักใส่ผักอย่างเช่นพวกแตงกวา อโวคาโด แครอท หรือสาหร่ายใปในอาหารด้วย ซึ่งทำให้เราได้รับประโยชน์จากผักมากขึ้น
5. ถ้าเป็นไปได้ เลือกซูชิที่ทำจากข้าวกล้องแทนข้าวขาว นอกจากข้าวกล้องจะมีไฟเบอร์มากกว่าแล้วยังเป็นแหล่งของแมงกาีนีส เซเลเนียม และแมกนีเซียม
6. อาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักมีขิงหั่นบางๆวางไว้ข้างจาน อย่างเขี่ยทิ้ง!! จงกินซะ!! ขิงดีต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยังเป็นแหล่งของสารอาหารอย่างโพแทสเซียม, แมกนีเซียม, คอปเปอร์, และแมงกานีส
7. พยายามหลีกเลี่ยงซูชิที่อุดมไปด้วยมายองเนสหรือใส่ครีมชีสลงไปด้วย
8. ถ้าให้ต้องเลือกระหว่างซูชิกับซาซิมิ เลือกทานซาซิมิดีกว่า เพราะอย่าลืมว่าซูชิ 1 แถวใช้ข้าวประมาณ 1 ถ้วย(ข้าว 1 ถ้วยให้พลังงานประมาณ 200 แคลอรี่)
9. เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยซุปมิโซะ(miso soup) เพราะซุปทำให้อิ่มไวขึ้น นอกจากนี้ซุปมิโซะ 1 ถ้วยให้พลังงานต่ำมากน้อยกว่า 75 แคลอรี่ซะอีก
แหล่งข้อมูล www.shape.com
วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556
สุดยอดคาร์ดิโอ HIIT (High Intensity Interval Training)
เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายแบบ"คาร์ดิโอ"แล้ว หลายคนมักจะนึกถึงชั่วโมงอันแสนยาวนานและน่าเบื่อในฟิตเนส ถ้างั้น....มีข่าวดีสำหรับคุณ มีวิธีการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแนวใหม่ที่ใช้เวลาน้อยกว่าและมีประสิทธิภาพในการเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอทั่วๆไป นั่นคือ.....การออกกำลังกายแบบ HIIT (High Intensity Interval Training)
อะไรคือ HIIT? และทำไมถึงดีกว่าคาร์ดิโอทั่วๆไป
HIIT (High Intensity Interval Training) คือการออกกำลังกายหนัก-เบาสลับกันไปมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งโดยจัดเป็นรอบๆ ตัวอย่างเช่น กระโดดเชือก 30 วินาที สลับกับเดินอยู่กับที่ 60 วินาที ทำแบบนี้สลับกันไปมา 10-15 นาที เป็นต้น
การออกกำลังกายแบบ HIIT เหนือกว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอทั่วๆไปตรงที่คุณใช้เวลาน้อยกว่าแต่สามารถที่จะเบิร์นได้มากกว่า และที่สำคัญร่างกายยังสามารถที่จะเบิร์นแคลอรี่ต่อเนื่องหลังออกกำลังกายได้นานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และเป็นการออกกำลังกายแนวคาร์ดิโอที่ดีที่สุด ส่วนคนที่กังวลว่าการออกกำลังกายแบบนี้มวลกล้ามเนื้อจะหายไปพร้อมกับไขมันหรือเปล่า ขอบอกว่าคิดผิดอย่างแรง จากการศึกษาพบว่าถึงแม้การออกกำลังกายแบบ HIIT จะสามารถเผาผลาญแคลอรี่และไขมันได้มาก แต่ไม่ได้เกิดการสูญเสียของมวลกล้ามเนื้ออย่างแน่นอน
นอกจากนี้การออกกำลังกายแบบ HIIT ยังสามารถประยุกต์ออกมาได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิ่งแบบHIIT กระโดดเชือกแบบHIIT เต้นแบบHIIT เป็นต้น รับรองว่าฟิตหุ่นได้แบบไม่น่าเบื่อแน่นอน
อะไรคือ HIIT? และทำไมถึงดีกว่าคาร์ดิโอทั่วๆไป
HIIT (High Intensity Interval Training) คือการออกกำลังกายหนัก-เบาสลับกันไปมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งโดยจัดเป็นรอบๆ ตัวอย่างเช่น กระโดดเชือก 30 วินาที สลับกับเดินอยู่กับที่ 60 วินาที ทำแบบนี้สลับกันไปมา 10-15 นาที เป็นต้น
การออกกำลังกายแบบ HIIT เหนือกว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอทั่วๆไปตรงที่คุณใช้เวลาน้อยกว่าแต่สามารถที่จะเบิร์นได้มากกว่า และที่สำคัญร่างกายยังสามารถที่จะเบิร์นแคลอรี่ต่อเนื่องหลังออกกำลังกายได้นานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และเป็นการออกกำลังกายแนวคาร์ดิโอที่ดีที่สุด ส่วนคนที่กังวลว่าการออกกำลังกายแบบนี้มวลกล้ามเนื้อจะหายไปพร้อมกับไขมันหรือเปล่า ขอบอกว่าคิดผิดอย่างแรง จากการศึกษาพบว่าถึงแม้การออกกำลังกายแบบ HIIT จะสามารถเผาผลาญแคลอรี่และไขมันได้มาก แต่ไม่ได้เกิดการสูญเสียของมวลกล้ามเนื้ออย่างแน่นอน
นอกจากนี้การออกกำลังกายแบบ HIIT ยังสามารถประยุกต์ออกมาได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิ่งแบบHIIT กระโดดเชือกแบบHIIT เต้นแบบHIIT เป็นต้น รับรองว่าฟิตหุ่นได้แบบไม่น่าเบื่อแน่นอน
วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556
มาฟิตหุ่นกับจิลเลี่ยน ไมเคิล (Jillian Michaels)กันเหอะ
จิลเลี่ยน ไมเคิล(Jillian Michaels) ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอ เพราะเธอคือเทรนเนอร์ที่โหดที่สุดจากรายการเรียลลิตี้โชว์ The Biggest Loser ที่ช่วยคนมากมายนับไม่ถ้วนลดน้ำหนัก จิลเลี่ยนเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านฟิตเนสที่มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ถือได้ว่าเป็นเทรนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จสูงมากๆ นอกจากรายการทีวีและดีวีดีออกกำลังกายแล้ว จิลเลี่ยนยังเป็นเจ้าของหนังสือขายดีอย่าง Master Your Metabolism, Unlimited : How to Build an Exceptional Life, และ Slim for Life : My Insider Secrets to Simple, Fast, and Lasting Weight Loss ด้วยบุคลิคอันโดดเด่ดประกอบกับความมั่นใจของเธอ จึงทำให้เธอเป็นเสมือนโมเดลหรือไอดอลของสาวๆ หลายๆ คนอีกด้วย สำหรับคนที่สนใจอยากมีจิลเลี่ยนมาเทรนให้ถึงห้องนั่งเล่นที่บ้าน ลองมาดูกันว่าเธอมีดีวีดีอะไรบ้างที่จะมาช่วยแปลงโฉมเราให้ฟิตเปี๊ยะกัน
สำหรับมือใหม่หรือBeginners
Jillian Michaels' for Beginners : Frontside
Jillian Michaels' for Beginners : Backside
สำหรับคนที่ Level - ระดับกลาง IntermediateหรือInter/Advanced
Jillian Michaels' Kickbox FastFix
Jillian Michaels' Ripped in 30
Jillian Michaels' 6 week six-pack
Jillian Michaels' Yoga Inferno
Jillian Michaels' Yoga Meltdown
Jillian Michaels' Banish Fat, Boost Metabolism
Jillian Michaels' No More Trouble Zones
Jillian' Body Revolution 15-DVD Set
ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.jillianmichaelsbodyrevolution.com
สำหรับคนที่ Level สูงหรือAdvanced
Jillian Michaels' Killer Abs
Jillian Michaels' Killer Buns & Thighs
Jillian Michaels' Shred It with Weight
Jillian Michaels' 30 Day Shred
Jillian Michaels' Hard Body
Jillian Michaels' Extreme shed&Shred
นอกจากนี้แล้ว Jillian Michaels ยังมาในรูปแบบของApp และXBox อีกด้วย
(App ของ Jillian ขณะนี้สามารถใช้งานได้เฉพาะที่อเมริกาเท่านั้น แต่หวังว่าในอีกไม่นานคงจะพัฒนาให้สามารถใช้งานในประเทศอื่นได้เพิ่มขึ้น)
สนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีที่
http://www.jillianmichaels.com/fit/mobile-tools-app-iphone
มีทั้งversionสำหรับ iPhone, iPad, และAndroid
Jillian Michaels' XBOX Fitness Adventure เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.jillianmichaels.com/fit/the-store/fitness-adventure-videogame
Credit : http://www.jillianmichaels.com/fit/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)